ข้อ ๑๖ ในกรณีที่ผู้เข้าเสนอราคาไม่ปฏิบัติตามข้อ ๑๔ หรือข้อ ๑๕ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีสั่งไม่อนุญาตให้ผู้นั้นเสนอราคาในการขายทอดตลาดนั้น
ข้อ ๑๗ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมการขายทอดตลาดให้เป็นไปด้วยความถูกต้องและเป็นธรรม และต้องป้องกันมิให้มีการสมยอมในการเสนอราคาหรือกระทำการใดที่ทำให้เสียความยุติธรรมทั้งในการดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดีและในการขายทอดตลาด
หากเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่า ผู้เข้าเสนอราคาหรือบุคคลที่อยู่ในห้องขายทอดตลาดรายใดมีพฤติการณ์ที่อาจทำให้การขายทอดตลาดไม่เป็นไปตามที่กำหนดในวรรคหนึ่ง หรือรบกวนการขายทอดตลาดหรือการดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นออกนอกห้องขายทอดตลาดและปฏิเสธการเสนอราคาของผู้นั้น
ข้อ ๑๘ ในการขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องแจ้งให้ผู้เข้าเสนอราคาทราบถึงวาระการขายทอดตลาดและรายละเอียดของทรัพย์ที่จะขายทอดตลาด ตำแหน่งที่ตั้งหรือที่อยู่และภาระติดพันของทรัพย์นั้น รวมถึงชื่อศาล หมายเลขคดีแดง ชื่อคู่ความ และรายชื่อผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์ที่ขายทอดตลาด แล้วจึงให้ผู้เข้าเสนอราคาเสนอราคาด้วยวาจา หรือด้วยการยกป้ายหรือโดยวิธีอื่นที่อธิบดีประกาศกำหนด
ข้อ ๑๙ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเริ่มการขายทอดตลาดจากราคาเริ่มต้นที่แจ้งในประกาศขายทอดตลาด ทั้งนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีอาจกำหนดอัตราการเพิ่มของการเสนอราคาแต่ละครั้งด้วยก็ได้
ข้อ ๒๐ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดแล้ว ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีสังหาริมทรัพย์ เมื่อชำระราคาครบถ้วนแล้ว ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีส่งมอบทรัพย์ที่ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุด แต่หากทรัพย์ที่ขายมีราคาสูงมากหรือมีเหตุผลพิเศษประการอื่นเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจอนุญาตให้เลื่อนการชำระราคาส่วนที่เหลือภายในเวลาไม่เกินสิบห้าวันนับแต่วันขายก็ได้
(๒) กรณีอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์มีทะเบียน หุ้น หรือสิทธิการเช่า ให้ผู้ซื้อทำสัญญาซื้อขายตามแบบพิมพ์ของกรมบังคับคดี และเมื่อชำระราคาครบถ้วนแล้ว ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งเป็นหนังสือให้นายทะเบียนจดทะเบียนโอนทรัพย์นั้นให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุด ทั้งนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีอาจอนุญาตให้เลื่อนการชำระราคาส่วนที่เหลือได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนดแต่ไม่เกินสามเดือนนับแต่วันที่ต้องชำระราคาส่วนที่เหลือ
ข้อ ๒๑ ในกรณีที่ผู้เสนอราคาสูงสุดไม่ชำระราคาส่วนที่เหลือตามข้อ ๒๐ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งให้ริบมัดจำและให้นำทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดใหม่
ในการขายทอดตลาดครั้งใหม่ หากราคาสูงสุดซึ่งรวมค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาดครั้งใหม่มีจำนวนต่ำกว่าราคาสูงสุดที่ผู้เสนอราคาสูงสุดเดิมเสนอไว้ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งให้ผู้เสนอราคาสูงสุดเดิมชำระราคาส่วนต่างที่ขาดอยู่ภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด หากไม่ชำระให้แจ้งผู้มีส่วนได้เสียเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ข้อ ๒๒ เจ้าพนักงานบังคับคดีอาจจัดให้มีการขายทอดตลาดโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
ข้อ ๒๓ ในกรณีที่อธิบดีพิจารณาว่าหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาดตามที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้ อาจไม่เหมาะสมหรือสอดคล้องกับสถานการณ์ พื้นที่ หรือลักษณะของทรัพย์ในการขายทอดตลาดครั้งใด ให้อธิบดีกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการได้ ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้
ข้อ ๒๔ บรรดาประกาศหรือระเบียบที่ออกตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งยังคงใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับให้ใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้ จนกว่าจะมีประกาศหรือระเบียบตามกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
ประกาศขายทอดตลาดซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๔ ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับและการขายทอดตลาดยังไม่สิ้นสุด ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยค่าใช้จ่าย ในการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๒๘/๑ พ.ศ. ๒๕๕๔”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดเก้าสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
“ศาล” หมายความว่า ศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณภาค ์ หรือศาลชั้นต้น แล้วแต่กรณี
“ตรวจพิสูจน์” หมายความว่า การตรวจพิสูจน์บุคคล วัตถุหรือเอกสารใด ๆ โดยวิธีการ ทางวิทยาศาสตร์
“ผู้ร้องขอ” หมายความว่า คู่ความฝ่ายที่ร้องขอให้ตรวจพิสูจน์
“ค่าใช้จ่าย” หมายความว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหลายในการดําเนินการตรวจพิสูจน์ ตามมาตรา ๑๒๘/๑ วรรคห้า แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ข้อ ๔ เมื่อมีผู้ร้องขอหรือศาลเห็นสมควร ให้ศาลพิจารณาสั่งตรวจพิสูจน์ได้ หากมีความ จําเป็นต้องใช้พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นั้นพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่เป็นประเด็นสําคัญแห่งคดีหรือจะทํา ให้ศาลสามารถวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานอื่นอีก
ข้อ ๕ ในการสั่งตรวจพิสูจน์ ให้ศาลพิจารณาส่งตรวจในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น ของรัฐก่อน
ข้อ ๖ ในกรณีที่ศาลสั่งให้ตรวจพิสูจน์ตามที่มีผู้ร้องขอ แต่ผู้ร้องขออ้างว่า ไม่สามารถ เสียค่าใช้จ่ายได้ เมื่อศาลไต่สวนได้ความจริงเช่นว่านั้นแล้ว ให้นํามาพิจารณาประกอบกับสถานที่ หน่วยงาน บุคคล หรือนิติบุคคลที่ตรวจพิสูจน์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายและวิธีการตรวจพิสูจน์ เพื่อสั่งจ่าย แทนผู้ร้องขอทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่ศาลเห็นสมควร
ข้อ ๖ ในกรณีที่ศาลสั่งให้ตรวจพิสูจน์ตามที่มีผู้ร้องขอ แต่ผู้ร้องขออ้างว่า ไม่สามารถ เสียค่าใช้จ่ายได้ เมื่อศาลไต่สวนได้ความจริงเช่นว่านั้นแล้ว ให้นํามาพิจารณาประกอบกับสถานที่ หน่วยงาน บุคคล หรือนิติบุคคลที่ตรวจพิสูจน์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายและวิธีการตรวจพิสูจน์ เพื่อสั่งจ่าย แทนผู้ร้องขอทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่ศาลเห็นสมควร
ข้อ ๗ เมื่อได้รับแจ้งจํานวนค่าใช้จ่าย ให้ผู้ร้องขอนําเงินค่าใช้จ่ายมาวางศาล ส่วนผู้ที่ได้รับ ยกเว้นค่าใช้จ่ายบางส่วน ให้นําเงินมาวางศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่ได้รับยกเว้น
ข้อ ๘ ให้ศาลสั่งจ่ายค่าใช้จ่ายเมื่อได้รับผลการตรวจพิสูจน
ข้อ ๙ ในแต่ละคดีหรือในคดีที่มีการรวมการพิจารณา ให้ศาลพิจารณาสั่งจ่ายค่าใช้จ่าย สําหรับการตรวจพิสูจน์ประเภทหนึ่งเพียงครั้งเดียว เว้นแต่กรณีมีเหตุสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ข้อ ๑๐ ค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ในกรณีที่ศาลสั่งให้ตรวจพิสูจน์ตามคําร้องขอ แต่ผู้ร้องขอ ไม่สามารถเสียค่าใช้จ่ายได้ หรือศาลเป็นผู้สั่งให้ตรวจพิสูจน์เอง ให้ศาลสั่งจ่ายค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ ตามบัญชีท้ายระเบียบนี้ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณ
ข้อ ๑๑ วิธีการเบิกจ่าย หลักฐานและเอกสารการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ ให้ปฏิบัติตามระเบียบ ก.บ.ศ. เกี่ยวกับการเงิน
ข้อ ๑๒ การตรวจพิสูจน์ที่ยังมิได้มีการเบิกจ่ายก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ให้เบิกจ่าย ค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ได้
ข้อ ๑๓ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลยุติธรรมรักษาการตามระเบียบนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษแก่ผู้พิพากษาและเจ้าพนักงานศาลซึ่งปฏิบัติงานในวันหยุดงานหรือนอกเวลาทำการปกติ พ.ศ. ๒๕๓๙”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๓๙ มีผลใช้บังคับเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่งอื่นใดในส่วนที่กำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ ๔ ในระเบียบนี้
“ส่วนราชการ” หมายความว่า กระทรวงยุติธรรมหรือศาลยุติธรรม
“เวลาทำการปกติ” หมายความว่า เวลาระหว่าง ๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ของวันทำการปกติ และให้หมายความรวมถึงช่วงเวลาที่ส่วนราชการกำหนดให้ข้าราชการในสังกัดปฏิบัติราชการปกติเป็นอย่างอื่นด้วย
“วันทำการปกติ” หมายความว่า วันทำการปกติของข้าราชการและให้หมายความรวมถึงวันทำการปกติที่ส่วนราชการกำหนดเป็นอย่างอื่นด้วย
“วันหยุดงาน” หมายความว่า วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการประจำสัปดาห์ที่ส่วนราชการกำหนดเป็นอย่างอื่น และให้หมายความรวมถึงวันหยุดราชการประจำปีและวันหยุดที่คณะรัฐมนตรีกำหนดนอกเหนือจากวันหยุดประจำปีด้วย
“เปิดทำการศาล” หมายความว่า การที่ศาลเปิดทำงานเพื่อนั่งพิจารณาคดีหรือปฏิบัติงานอื่นใดที่ต่อเนื่องกับการนั่งพิจารณาคดี
“เจ้าพนักงานศาล” หมายความว่า ข้าราชการหรือลูกจ้างในศาลที่ได้รับมอบหมายจากผู้ที่มีอำนาจอนุมัติตามข้อ ๕ ให้มาปฏิบัติงานที่เกี่ยวเนื่องกับการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลโดยตรง
ข้อ ๕ ให้ประธานศาลฎีกา อธิบดีผู้พิพากษา หรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาล แล้วแต่กรณี มีอำนาจอนุมัติให้ผู้พิพากษาและเจ้าพนักงานศาลในศาลนั้น ๆ ปฏิบัติงานในวันหยุดงานหรือนอกเวลาทำการปกติได้
ในการพิจารณาอนุมัติ ให้ผู้มีอำนาจตามวรรคหนึ่งคำนึงถึงความจำเป็น ประโยชน์ของทางราชการและประชาชน รวมทั้งความเหมาะสมของผู้ปฏิบัติงานประกอบด้วย ทั้งนี้ ให้มีผู้ควบคุมดูแลการลงเวลาและการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัดและให้รายงานผลการปฏิบัติงานต่อผู้มีอำนาจอนุมัติภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่เสร็จสิ้นการปฏิบัติงานตามคำสั่งนั้น
ข้อ ๖ ในกรณีที่มีการเปิดทำการศาลในวันหยุดงานหรือนอกเวลาทำการปกติให้ผู้พิพากษาและเจ้าพนักงานศาลที่อยู่ปฏิบัติงานในวันหยุดงานหรือนอกเวลาทำการปกติ ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษตามอัตราและหลักเกณฑ์ดังนี้
๖.๑ ผู้พิพากษา ให้ได้รับในอัตราชั่วโมงละ ๒๐๐ บาท แต่ทั้งนี้ ค่าตอบแทนพิเศษที่ได้รับในวันหนึ่งต้องไม่เกิน ๑,๒๐๐ บาท
๖.๒ เจ้าพนักงานศาล ให้ได้รับในอัตราชั่วโมงละ ๑๐๐ บาท แต่ทั้งนี้ ค่าตอบแทนพิเศษที่ได้รับในวันหนึ่งต้องไม่เกิน ๖๐๐ บาท
ในกรณีที่ปฏิบัติงานไม่ครบชั่วโมง เศษของชั่วโมงถ้าเกินครึ่งชั่วโมงให้คิดเป็นหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๗ หลักฐานการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษแก่ผู้พิพากษาและเจ้าพนักงานศาล ซึ่งปฏิบัติงานในวันหยุดงาน หรือนอกเวลาทำการปกติให้เป็นไปตามแบบท้ายระเบียบนี้