ข้อ ๑๒
ข้อ ๑๒ เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียน ให้นายทะเบียนออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิตามแบบ ม.น. ๓ ท้ายกฎกระทรวงนี้&nbs...
...
ข้อ ๑๒ เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียน ให้นายทะเบียนออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิตามแบบ ม.น. ๓ ท้ายกฎกระทรวงนี้ หรือออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของมูลนิธิขึ้นใหม่ทั้งชุดหรือการเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิหรือการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิตามแบบ ม.น. ๔ ท้ายกฎกระทรวงนี้ แล้วแต่กรณี ให้แก่ผู้ขอจดทะเบียน และให้นายทะเบียนจัดทำทะเบียนมูลนิธิสำหรับมูลนิธินั้นตามแบบ ม.น. ๕ ท้ายกฎกระทรวงนี้
ในกรณีที่มูลนิธิใดมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน ให้นายทะเบียนบันทึกการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไว้ในทะเบียนมูลนิธิของมูลนิธินั้นด้วย
ข้อ ๑๓
ข้อ ๑๓ ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี ให้มูลนิธิรายงานผลการดำเนินการต่อนายทะเบียนพร้อมทั้งหลักฐาน ดังต่อไปนี้
&nbs...
...
ข้อ ๑๓ ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี ให้มูลนิธิรายงานผลการดำเนินการต่อนายทะเบียนพร้อมทั้งหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) รายงานการดำเนินกิจการของมูลนิธิในปีที่ผ่านมา
(๒) บัญชีรายได้รายจ่ายและสำเนางบดุลของมูลนิธิในรอบปีที่ผ่านมาซึ่งผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้รับรองความถูกต้องแล้ว
(๓) สำเนารายงานการประชุมของคณะกรรมการของมูลนิธิทุกครั้งในปีที่ผ่านมา
ข้อ ๑๔
ข้อ ๑๔ ในกรณีมีเหตุเกี่ยวกับการดำเนินการของมูลนิธิตามมาตรา ๑๒๙ ที่นายทะเบียนอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งถอดถอนกรรมการของมูลนิธิผู้ใดหร...
...
ข้อ ๑๔ ในกรณีมีเหตุเกี่ยวกับการดำเนินการของมูลนิธิตามมาตรา ๑๒๙ ที่นายทะเบียนอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งถอดถอนกรรมการของมูลนิธิผู้ใดหรือถอดถอนคณะกรรมการของมูลนิธิทั้งคณะ นายทะเบียนอาจร้องขอให้พนักงานอัยการเป็นผู้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการแทนนายทะเบียนได้
ในกรณีที่นายทะเบียนร้องขอให้พนักงานอัยการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้นายทะเบียนช่วยเหลือพนักงานอัยการในการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๑๕
ข้อ ๑๕ การแจ้งการเลิกมูลนิธิต่อนายทะเบียนตามมาตรา ๑๓๒ วรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการของมูลนิธิที่อยู่ในตำแหน่งขณะมีการเลิกมูลนิธิแจ้งก...
...
ข้อ ๑๕ การแจ้งการเลิกมูลนิธิต่อนายทะเบียนตามมาตรา ๑๓๒ วรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการของมูลนิธิที่อยู่ในตำแหน่งขณะมีการเลิกมูลนิธิแจ้งการเลิกมูลนิธิต่อนายทะเบียนตามแบบ ม.น. ๖ ท้ายกฎกระทรวงนี้
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้รับแจ้งการเลิกมูลนิธิ จากนั้นให้ตรวจสอบการแจ้งเลิกและหลักฐานต่าง ๆ ว่าเป็นไปตามข้อบังคับของมูลนิธิและตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยมูลนิธิหรือไม่แล้วจึงเสนอความเห็นต่อนายทะเบียน
ข้อ ๑๖
ข้อ ๑๖ เมื่อได้มีการแจ้งการเลิกมูลนิธิตามข้อ ๑๕ หรือเมื่อศาลได้แจ้งคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้มูลนิธิล้มละลายหรือแจ้งคำสั่งถึงที...
...
ข้อ ๑๖ เมื่อได้มีการแจ้งการเลิกมูลนิธิตามข้อ ๑๕ หรือเมื่อศาลได้แจ้งคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้มูลนิธิล้มละลายหรือแจ้งคำสั่งถึงที่สุดให้เลิกมูลนิธิให้นายทะเบียนทราบตามมาตรา ๑๓๒ วรรคสองแล้ว ให้นายทะเบียนประกาศการเลิกมูลนิธิในราชกิจจานุเบกษาโดยไม่ชักช้า
ข้อ ๑๗
ข้อ ๑๗ เมื่อนายทะเบียนประสงค์จะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเลิกมูลนิธิใดในกรณีหนึ่งกรณีใดตามมาตรา ๑๓๑ ให้นายทะเบียนสอบสวนข้อเท็จจริงนั้นก...
...
ข้อ ๑๗ เมื่อนายทะเบียนประสงค์จะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเลิกมูลนิธิใดในกรณีหนึ่งกรณีใดตามมาตรา ๑๓๑ ให้นายทะเบียนสอบสวนข้อเท็จจริงนั้นก่อน โดยมีหนังสือแจ้งให้มูลนิธิยื่นคำแถลงแสดงเหตุผลของตนเป็นหนังสือต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง หากมูลนิธินั้นมิได้ชี้แจงต่อนายทะเบียนหรือคำชี้แจงของมูลนิธินั้นยังไม่เป็นที่พอใจแก่นายทะเบียน ให้นายทะเบียนยื่นคำร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งยกเลิกมูลนิธิต่อไป ในการนี้นายทะเบียนอาจร้องขอให้พนักงานอัยการเป็นผู้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการแทนนายทะเบียนก็ได้
ในกรณีที่นายทะเบียนร้องขอให้พนักงานอัยการเป็นผู้ดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้นายทะเบียนช่วยเหลือพนักงานอัยการในการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๑๘
ข้อ ๑๘ ในกรณีที่มีการเลิกมูลนิธิซึ่งจะต้องมีการชำระบัญชีมูลนิธิ ให้ผู้ชำระบัญชีเสนอรายงานการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนตามแบบ ม.น. ๗...
...
ข้อ ๑๘ ในกรณีที่มีการเลิกมูลนิธิซึ่งจะต้องมีการชำระบัญชีมูลนิธิ ให้ผู้ชำระบัญชีเสนอรายงานการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนตามแบบ ม.น. ๗ ท้ายกฎกระทรวงนี้
ข้อ ๑
ข้อ ๑ ให้ยกเลิก
(๑) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๑) ออกตามความใน...
...
ข้อ ๑ ให้ยกเลิก
(๑) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๑) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๒) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๔๙๒) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๓) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๙๕) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๔) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๔๙๖) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๕) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๖) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๐๒) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๗) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัท)
(๘) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๑๐) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๙) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๑๒) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๑๐) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๔ (พ.ศ. ๒๕๑๓) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๑๑) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๕ (พ.ศ. ๒๕๑๔) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัท)
(๑๒) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัท)
(๑๓) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๑๙) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัท)
(๑๔) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๘ (พ.ศ. ๒๕๑๙) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัท)
(๑๕) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๙ (พ.ศ. ๒๕๒๑) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัท)
(๑๖) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๐ (พ.ศ. ๒๕๒๗) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัท)
(๑๗) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๑ (พ.ศ. ๒๕๓๖) ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัท)
ข้อ ๒
ข้อ ๒* ให้จัดตั้งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางขึ้นในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นนายทะเบียนก...
...
ข้อ ๒* ให้จัดตั้งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางขึ้นในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นนายทะเบียนกลาง และข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอำนวยการ และประเภทวิชาการตั้งแต่ระดับชำนาญการพิเศษขึ้นไปในสังกัดกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งนายทะเบียนกลางแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยนายทะเบียนกลาง เพื่อปฏิบัติงานทะเบียนของห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นทั่วราชอาณาจักร
ข้อ ๓
ข้อ ๓ ให้จัดตั้งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทขึ้นในท้องที่ที่นายทะเบียนกลางเห็นสมควร โดยมีจำนวนสำนักงาน เขตพื้นที่รับผิดชอบ และ...
...
ข้อ ๓ ให้จัดตั้งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทขึ้นในท้องที่ที่นายทะเบียนกลางเห็นสมควร โดยมีจำนวนสำนักงาน เขตพื้นที่รับผิดชอบ และวันเปิดทำการตามที่นายทะเบียนกลาง กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ในสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอำนวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานซึ่งมีอายุราชการไม่น้อยกว่าห้าปีและตั้งแต่ระดับชำนาญงานขึ้นไป ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนายทะเบียนกลางแต่งตั้งเป็นนายทะเบียน*
อำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน และหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ให้เป็นไปตามที่นายทะเบียนกลางกำหนด
ข้อ ๔
ข้อ ๔ ให้นายทะเบียนกลางประกาศกำหนดแบบคำขอจดทะเบียน
...
ข้อ ๔ ให้นายทะเบียนกลางประกาศกำหนดแบบคำขอจดทะเบียน
ข้อ ๕
ข้อ ๕ เมื่อนายทะเบียนได้รับคำขอจดทะเบียนของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัดแล้วให้ตรวจคำขอนั้น ถ้าถูกต้องตามกฎหมาย ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนี...
...
ข้อ ๕ เมื่อนายทะเบียนได้รับคำขอจดทะเบียนของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัดแล้วให้ตรวจคำขอนั้น ถ้าถูกต้องตามกฎหมาย ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมและให้สั่งรับจดทะเบียนไว้
ข้อ ๖
ข้อ ๖ การลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียน ผู้ขอจดทะเบียนต้องลงลายมือชื่อด้วยตนเองต่อหน้านายทะเบียน
&...
...
ข้อ ๖ การลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียน ผู้ขอจดทะเบียนต้องลงลายมือชื่อด้วยตนเองต่อหน้านายทะเบียน
ในกรณีที่ไม่อาจลงลายมือชื่อต่อหน้านายทะเบียนได้ ไม่ว่าด้วยประการใดๆ ให้ถือว่าลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียนเป็นที่ถูกต้อง เมื่อผู้ขอจดทะเบียนลงลายมือชื่อด้วยตนเองต่อหน้าบุคคล ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีลงลายมือชื่อในราชอาณาจักร
(ก) พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งประจำอยู่ในท้องที่ที่ผู้ขอจดทะเบียนมีภูมิลำเนาอยู่
(ข) สามัญสมาชิกหรือสมาชิกวิสามัญแห่งเนติบัณฑิตยสภา หรือ
(ค) บุคคลอื่นตามที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด
(๒) กรณีลงลายมือชื่อในต่างประเทศ
(ก) เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของสถานทูตไทยหรือสถานกงสุลไทยหรือหัวหน้าสำนักงาน สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งรับผิดชอบการดำเนินงาน ณ ประเทศนั้น หรือเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายให้ทำการแทนบุคคลดังกล่าว
(ข) บุคคลซึ่งสามารถให้การรับรองที่สมบูรณ์ตามแบบของกฎหมายแห่งประเทศนั้นหรือ
(ค) บุคคลที่ควรเชื่อถือได้สองคนมาลงลายมือชื่อรับรองต่อหน้านายทะเบียนว่าเป็นลายมือชื่อผู้นั้นจริง
ข้อ ๗
ข้อ ๗ บรรดาประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามกฎกระทรวงที่ให้ยกเลิกตามข้อ ๑ ให้คงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้&n...
...
ข้อ ๗ บรรดาประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามกฎกระทรวงที่ให้ยกเลิกตามข้อ ๑ ให้คงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะได้มีประกาศหรือคำสั่งที่ออกตามกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
ข้อ ๘
ข้อ ๘ บรรดาคำขอจดทะเบียนที่ยื่นก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับให้ถือเป็นคำขอจดทะเบียนที่ได้ยื่นตามกฎกระทรวงนี้
...
ข้อ ๘ บรรดาคำขอจดทะเบียนที่ยื่นก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับให้ถือเป็นคำขอจดทะเบียนที่ได้ยื่นตามกฎกระทรวงนี้
ข้อ ๙
ข้อ ๙* กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
...
ข้อ ๙* กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๑
ข้อ ๑ ให้กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ดังต่อไปนี้
(๑)* การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
&nbs...
...
ข้อ ๑ ให้กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ดังต่อไปนี้
(๑)* การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
ทุกจำนวนเงินทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนรวมกัน ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ๑๐๐ บาท
เศษของ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้คิดเป็น ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ รวมกันไม่ให้ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ บาท
และไม่ให้เกิน ๕,๐๐๐ บาท
(๒)* การจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้เป็นหุ้นส่วนหรือเปลี่ยนแปลงการลงทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน
(ก) การจดทะเบียนเพิ่มทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน
ทุกจำนวนเงินทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนที่เพิ่มขึ้น รวมกันไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ๑๐๐ บาท
เศษของ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้คิดเป็น ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ รวมกันไม่ให้เกิน ๕,๐๐๐ บาท
(ข) การจดทะเบียนเข้าเป็นหุ้นส่วน คนละ ๓๐๐ บาท
(ค) การจดทะเบียนออกจากการเป็นหุ้นส่วน คนละ ๓๐๐ บาท
(ง) การจดทะเบียนลดทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน คนละ ๓๐๐ บาท
(จ) การจดทะเบียนเปลี่ยนสิ่งที่นำมาลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วน คนละ ๓๐๐ บาท
(ฉ) การจดทะเบียนเปลี่ยนจำพวกผู้เป็นหุ้นส่วน คนละ ๓๐๐ บาทท
(๓) การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิบริษัทจำกัด
ทุกจำนวนเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แห่งจำนวนทุนที่กำหนดไว้ ๕๐ บาท
เศษของ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้คิดเป็น ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ รวมกันไม่ให้ต่ำกว่า ๕๐๐ บาท
และไม่ให้เกิน ๒๕,๐๐๐ บาท
(๔) การจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ
เพื่อเพิ่มทุนก่อนจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด ทุกจำนวนเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แห่งจำนวนทุน ที่กำหนดเพิ่มขึ้น ๕๐ บาท
เศษของ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้คิดเป็น ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ รวมกันไม่ให้ต่ำกว่า ๕๐๐ บาท
และไม่ให้เกิน ๒๕,๐๐๐ บาท
(๕) การจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิบริษัทจำกัด ๔๐๐ บาท
(๖) การจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของบริษัทจำกัด ๔๐๐ บาท
(๗) การจดทะเบียนตั้งกรรมการใหม่ คนละ ๔๐๐ บาท
(๘) การจดทะเบียนบริษัทจำกัด
ทุกจำนวนเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แห่งจำนวนทุนที่กำหนดไว้ ๕๐๐ บาท
เศษของ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้คิดเป็น ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ รวมกันไม่ให้ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ บาท
และไม่ให้เกิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท
(๙) การจดทะเบียนเพิ่มทุนบริษัทจำกัด
ทุกจำนวนเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แห่งจำนวนทุนที่กำหนดเพิ่มขึ้น ๕๐๐ บาท
เศษของ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้คิดเป็น ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ รวมกันไม่ให้เกิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท
(๑๐) การจดทะเบียนลดทุนบริษัทจำกัด ๔๐๐ บาท
(๑๑) การจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด ๔๐๐ บาท
(๑๒) การจดทะเบียนควบ
(ก) ห้างหุ้นส่วน ๒,๐๐๐ บาท
(ข) บริษัทจำกัด ๕,๐๐๐ บาท
(๑๒/๑)* การจดทะเบียนการแปรสภาพห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน
หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นบริษัทจำกัด ทุกจำนวนเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แห่งจำนวนทุนที่กำหนดไว้ ๕๐๐ บาท
เศษของ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้คิดเป็น ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ รวมกันไม่ให้ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ บาท
และไม่ให้เกิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท
(๑๓) การจดทะเบียนเรื่องอื่น ๆ เรื่องละ ๔๐๐ บาท
(๑๔) ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด ฉบับละ ๑๐๐ บาท
(๑๕) การตรวจเอกสาร
(ก) การตรวจคำขอจดทะเบียนและ เอกสารประกอบของห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด รายละ ๕๐ บาท
(ข) การตรวจงบการเงินและบัญชีรายชื่อ ผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัด รายละ ๕๐ บาท
(ค) การตรวจเอกสารทางระบบคอมพิวเตอร์ ให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายได้เท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ ตามที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด
(๑๖) การขอสำเนาหรือขอให้ถ่ายเอกสารพร้อมทั้งคำรับรอง รวมทั้งสำเนาเอกสารพร้อมทั้งคำรับรองที่ออกตาม หมายเรียกของศาล หน้าละ ๕๐ บาท
ในกรณีที่เป็นการขอสำเนาหรือขอถ่ายเอกสารพร้อมทั้ง คำรับรองของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัดนอกเขต สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทอันเป็นที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ หรือเป็นการขอสำเนาพร้อมคำรับรอง
ทางระบบคอมพิวเตอร์ ให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้เท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ ตามที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด
(๑๗) การขอหนังสือรับรองข้อความในทะเบียน รวมทั้งหนังสือรับรองที่ออกตามหมายเรียกของศาล รายการละ ๔๐ บาท
ในกรณีที่เป็นการขอหนังสือรับรองข้อความ ในทะเบียนของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัดนอกเขตสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทอันเป็นที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ หรือเป็นการขอหนังสือรับรอง ข้อความในทะเบียนทางระบบคอมพิวเตอร์ ให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้เท่าที่จำเป็นทั้งนี้ ตามที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด
(๑๘) การถ่ายข้อมูลที่ได้จัดทำจากระบบคอมพิวเตอร์
ค่าบริการครั้งละ ๑,๐๐๐ บาท
ค่าบันทึกข้อมูลซึ่งมีความยาวของระเบียนไม่เกิน สองร้อยอักขระ ระเบียนละ ๐.๑๐ บาท
ในกรณีที่ระเบียนมีความยาวมากกว่าสองร้อยอักขระ ให้คิดทุกจำนวนสองร้อยอักขระ เป็นหนึ่งระเบียน ระเบียนละ ๐.๑๐ บาท
เศษของสองร้อยอักขระ ให้คิดเป็นหนึ่งระเบียน
ในข้อนี้ “ระเบียน” หมายความว่า หน่วยของรายการข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในโปรแกรมการจัดการฐานข้อมูล ซึ่งแสดงออกในรูปของอักขระในแต่ละบรรทัด
ข้อ ๒
ข้อ ๒ ค่าธรรมเนียมที่จะต้องเรียกเก็บตามคำขอซึ่งได้ยื่นไว้ก่อนวันใช้บังคับกฎกระทรวงนี้ ให้เรียกเก็บตามอัตราค่าธรรมเนียมที่ใช้อยู่ในขณะที่ย...
...
ข้อ ๒ ค่าธรรมเนียมที่จะต้องเรียกเก็บตามคำขอซึ่งได้ยื่นไว้ก่อนวันใช้บังคับกฎกระทรวงนี้ ให้เรียกเก็บตามอัตราค่าธรรมเนียมที่ใช้อยู่ในขณะที่ยื่นคำขอนั้น
ข้อ ๓
ข้อ ๓ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
...
ข้อ ๓ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๑
ข้อ ๑ ผู้ใดจะทำพินัยกรรมเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองหรือเอกสารลับ ให้ทำคำร้องแสดงความจำนงตามแบบของเจ้าพนักงานยื่นต่อกรมการอำเภอ ณ ที่...
...
ข้อ ๑ ผู้ใดจะทำพินัยกรรมเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองหรือเอกสารลับ ให้ทำคำร้องแสดงความจำนงตามแบบของเจ้าพนักงานยื่นต่อกรมการอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือกิ่งอำเภอใดในราชอาณาจักรก็ได้
ถ้าจะทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง ณ สถานที่นอกที่ว่าการอำเภอ หรือกิ่งอำเภอ กรมการอำเภอผู้มีอำนาจรับทำพินัยกรรมนั้น คือ กรมการอำเภอเจ้าของท้องที่ ซึ่งสถานที่ทำพินัยกรรมนั้นตั้งอยู่
ข้อ ๒
ข้อ ๒ ในการทำพินัยกรรมแบบเอกสารลับ ผู้ทำพินัยกรรมต้องนำพินัยกรรมที่ผนึกนั้นไปแสดงต่อกรมการอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ
...
ข้อ ๒ ในการทำพินัยกรรมแบบเอกสารลับ ผู้ทำพินัยกรรมต้องนำพินัยกรรมที่ผนึกนั้นไปแสดงต่อกรมการอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ
ข้อ ๓
ข้อ ๓ พยานในการทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง หรือเอกสารลับนั้น ผู้ทำพินัยกรรมต้องนำมาเอง ถ้าไม่สามารถจะหามาได้ จะขอให้กรมก...
...
ข้อ ๓ พยานในการทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง หรือเอกสารลับนั้น ผู้ทำพินัยกรรมต้องนำมาเอง ถ้าไม่สามารถจะหามาได้ จะขอให้กรมการอำเภอช่วยจัดหาให้ก็ได้ แต่จะต้องเสียค่าป่วยการให้แก่พยานตามที่กรมการอำเภอจะกำหนดตามอัตราในข้อ ๑๙ แห่งกฎนี้
ความในข้อนี้ให้ใช้ถึงล่ามด้วยโดยอนุโลม
ข้อ ๔
ข้อ ๔ เมื่อจะทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง หรือเอกสารลับให้แก่ผู้ทำที่มีเหตุควรสงสัยว่าเป็นผู้เยาว์อายุยังไม่ครบ ๑๕ ปีบริบูรณ์&...
...
ข้อ ๔ เมื่อจะทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง หรือเอกสารลับให้แก่ผู้ทำที่มีเหตุควรสงสัยว่าเป็นผู้เยาว์อายุยังไม่ครบ ๑๕ ปีบริบูรณ์ หรือเป็นบุคคลวิกลจริต ซึ่งอาจมีปัญหาเกี่ยวกับความสามารถตามกฎหมาย ให้กรมการอำเภอสอบสวนเหตุการณ์ และรายละเอียดอันอาจเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาถึงความสามารถตามกฎหมายของผู้นั้น ทำเป็นบันทึกขึ้นไว้ประกอบเรื่องด้วย
ข้อ ๕
ข้อ ๕ ผู้ใดร้องขอให้กรมการอำเภอไปทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง นอกที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ ต้องจัดหาพาหนะสำหรับรับส่งกรมการอำเภอด...
...
ข้อ ๕ ผู้ใดร้องขอให้กรมการอำเภอไปทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง นอกที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ ต้องจัดหาพาหนะสำหรับรับส่งกรมการอำเภอด้วย
ข้อ ๖
ข้อ ๖ ให้กรมการอำเภอมีสมุดทะเบียนพินัยกรรมตามแบบของกระทรวงมหาดไทย สำหรับจดทะเบียนพินัยกรรมซึ่งทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองหรือเอกสารลับ ...
...
ข้อ ๖ ให้กรมการอำเภอมีสมุดทะเบียนพินัยกรรมตามแบบของกระทรวงมหาดไทย สำหรับจดทะเบียนพินัยกรรมซึ่งทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองหรือเอกสารลับ และสมุดทะเบียนพินัยกรรมนั้น ให้มีข้อความดังต่อไปนี้
(๑) วัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรม หรือที่นำพินัยกรรมมาจดทะเบียน
(๒) แบบพินัยกรรม
(๓) ชื่อผู้ที่ทำพินัยกรรม และสถานที่อยู่
(๔) ในกรณีที่พินัยกรรมทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมือง ชื่อผู้จัดการมรดก ถ้ามี หรือถ้าไม่มีผู้จัดการมรดก ชื่อบุคคลผู้ได้รับทรัพย์มรดกโดยพินัยกรรม หรือโดยสิทธิโดยธรรมเป็นจำนวนมากที่สุด ในกรณีที่พินัยกรรมทำเป็นแบบเอกสารลับ ชื่อบุคคลซึ่งผู้ทำพินัยกรรมสั่งให้มอบพินัยกรรมให้เมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายแล้ว ให้ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งชื่อบุคคลดังกล่าวไว้ใน (๔) นี้ตามที่เจ้าพนักงานต้องการ
(๕) ช่องหมายเหตุ สำหรับบันทึกข้อความว่า พินัยกรรมนั้น กรมการอำเภอเก็บรักษาไว้ หรือว่าได้มอบให้แก่ผู้ทำพินัยกรรมไปแล้ว หรือว่าเมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายแล้วได้มอบให้แก่บุคคลผู้มีสิทธิจะรับมอบพินัยกรรมดังที่ระบุไว้ใน (๔) ข้างต้น
(๖) วัน เดือน ปี ที่กรมการอำเภอส่งมอบพินัยกรรม
(๗) ช่องสำหรับผู้รับมอบพินัยกรรมลงลายมือชื่อ
ถ้าพินัยกรรมนั้นเก็บรักษาไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ ให้ออกใบรับให้แก่ผู้ทำพินัยกรรม และให้มีต้นขั้วใบรับเก็บไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอเป็นหลักฐานด้วย
ข้อ ๗
ข้อ ๗ ในกรณีที่พินัยกรรมทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองให้คัดสำเนาพินัยกรรมไว้ แล้วให้กรมการอำเภอลงลายมือชื่อ ประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ
...
ข้อ ๗ ในกรณีที่พินัยกรรมทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองให้คัดสำเนาพินัยกรรมไว้ แล้วให้กรมการอำเภอลงลายมือชื่อ ประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ
ข้อ ๘
ข้อ ๘ พินัยกรรมซึ่งทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมือง หรือเอกสารลับนั้น ถ้าผู้ทำพินัยกรรมมีความประสงค์จะขอรับไปทันที ก็ให้มอบให้ไปได้เมื่...
...
ข้อ ๘ พินัยกรรมซึ่งทำเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมือง หรือเอกสารลับนั้น ถ้าผู้ทำพินัยกรรมมีความประสงค์จะขอรับไปทันที ก็ให้มอบให้ไปได้เมื่อผู้ทำพินัยกรรมลงชื่อรับไปในสมุดทะเบียนแล้ว ถ้าผู้ทำพินัยกรรมมอบพินัยกรรมไว้กับกรมการอำเภอ แต่ภายหลังมีความประสงค์จะขอรับคืนไปก็ให้ทำได้ทุกเมื่อ และให้นำใบรับซึ่งได้ออกให้ไว้แก่ตนมาแสดง และให้ลงชื่อไว้ในสมุดทะเบียนดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
เมื่อกรมการอำเภอทราบว่าผู้ทำพินัยกรรมตายแล้ว ให้กรมการอำเภอแจ้งแก่บุคคลที่กล่าวไว้ในข้อ ๖ (๔) ว่าให้มารับเอาพินัยกรรมของผู้ตายไปได้ และเมื่อผู้นั้นได้นำพยานหลักฐานมาแสดงเป็นที่พอใจว่าเป็นตัวบุคคลนั้นจริง และเมื่อได้ลงชื่อไว้ในสมุดจดทะเบียนดังกล่าวมาข้างต้นแล้ว ให้กรมการอำเภอมอบพินัยกรรมให้แก่ผู้นั้นไป
ตราบใดที่ยังมิได้มอบพินัยกรรมให้แก่ผู้ทำพินัยกรรมหรือบุคคลอื่นผู้มีสิทธิรับพินัยกรรม แล้วแต่กรณี ให้กรมการอำเภอเก็บรักษาพินัยกรรมนั้นไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอโดยใช้ความระมัดระวังเช่นเดียวกับการเก็บหนังสือสำคัญในราชการ
ข้อ ๙
ข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้มาขอรับการพินัยกรรมไม่ใช่ตัวผู้ทำพินัยกรรม กรมการอำเภอจะต้องสอบสวนถึงข้อที่ผู้ทำพินัยกรรมได้ตายแล้วด้วย
...
ข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้มาขอรับการพินัยกรรมไม่ใช่ตัวผู้ทำพินัยกรรม กรมการอำเภอจะต้องสอบสวนถึงข้อที่ผู้ทำพินัยกรรมได้ตายแล้วด้วย
ข้อ ๑๐
ข้อ ๑๐ เมื่อกรมการอำเภอจะมอบพินัยกรรมให้แก่ผู้ที่มาขอรับพินัยกรรมดังกล่าวมาในข้อ ๘ ให้เรียกให้ผู้นั้นลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือ...
...
ข้อ ๑๐ เมื่อกรมการอำเภอจะมอบพินัยกรรมให้แก่ผู้ที่มาขอรับพินัยกรรมดังกล่าวมาในข้อ ๘ ให้เรียกให้ผู้นั้นลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือไว้ในต้นขั้วใบรับด้วย
ข้อ ๑๑
ข้อ ๑๑ การมาขอรับพินัยกรรม หรือลงลายมือชื่อ หรือลายพิมพ์นิ้วมือรับพินัยกรรมตามข้อ ๘ และข้อ ๑๐ นั้น จะตั้งผู...
...
ข้อ ๑๑ การมาขอรับพินัยกรรม หรือลงลายมือชื่อ หรือลายพิมพ์นิ้วมือรับพินัยกรรมตามข้อ ๘ และข้อ ๑๐ นั้น จะตั้งผู้อื่นมาทำการแทนก็ได้ แต่การตั้งแต่งให้มาทำแทนนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือมอบฉันทะ ถ้ามีเหตุควรสงสัยว่าใบมอบฉันทะนั้นไม่สมบูรณ์ ให้กรมการอำเภอมีอำนาจสอบสวนได้