ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการส่งหมายเรียกพยานแก่เจ้าพนักงานผู้ส่งหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕๕/๑ พ.ศ. ๒๕๔๘
บรรดาระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่กำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ ๔ “เจ้าพนักงานผู้ส่งหมาย” หมายความถึง เจ้าพนักงานตำรวจตามกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ หรือพนักงานฝ่ายปกครองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน หรือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนตามกฎหมายว่าด้วยกองอาสารักษาดินแดน ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการส่งหมายเรียกพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕๕/๑
ข้อ ๕ ให้หัวหน้าสถานีตำรวจ หรือนายอำเภอท้องที่ หรือผู้อำนวยการสำนักการสอบสวน และนิติการ กรมการปกครอง มีอำนาจอนุมัติการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายของเจ้าพนักงานผู้ส่งหมายเรียกพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕๕/๑ แล้วแต่กรณี โดยให้เบิกจ่ายเมื่อเจ้าพนักงานผู้ส่งหมายได้ส่งหมายเรียกให้แก่พยานเสร็จสิ้นแล้วในอัตรา ดังนี้
(๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในอัตราไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบบาท
(๒) ในพื้นที่จังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร ให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในอัตราไม่เกินสองร้อยบาท
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายแก่ทนายความที่รัฐจัดหาให้ผู้ต้องหาในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๕๐”
ข้อ ๔ ในระเบียบนี้
“ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม” หมายความว่า
(๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
(๒) ในเขตจังหวัดอื่น ได้แก่ ข้าราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรมที่ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงยุติธรรม
“ผู้จัดหาทนายความ” หมายความว่า ผู้จัดหาทนายความตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่พนักงานสอบสวนต้องปฏิบัติในการจัดหาทนายความให้แก่ผู้ต้องหาในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๙
“ทนายความ” หมายความว่า ทนายความที่รัฐจัดหาให้ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่พนักงานสอบสวนต้องปฏิบัติในการจัดหาทนายความให้แก่ผู้ต้องหาในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๙
ข้อ ๙ ในกรณีที่มีการจัดหาทนายความให้แก่ผู้ต้องหาใหม่ตามข้อ ๙ แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่พนักงานสอบสวนต้องปฏิบัติในการจัดหาทนายความให้แก่ผู้ต้องหาในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้ทนายความที่จัดหาให้เดิมหรือทนายความที่จัดหาให้ใหม่มีสิทธิได้รับเงินรางวัลกึ่งหนึ่งของอัตราที่กำหนดไว้ในข้อ ๗
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของแพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทําการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๐ พ.ศ. ๒๕๖๑”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิก
(๑) ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของแพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทําการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๑๕๐ พ.ศ. ๒๕๔๓
(๒) ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของแพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทําการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๑๕๐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗
(๓) ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักของแพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทําการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๑๕๐ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๒
ข้อ ๔ ให้หัวหน้าส่วนราชการ ผู้อํานวยการหรือผู้บริหารสูงสุดซึ่งเรียกชื่ออย่างอื่นของ องค์การมหาชน หรืออธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่มีฐานะเป็นหน่วยงานในกํากับของรัฐต้นสังกัดของแพทย์ และเจ้าพนักงานผู้ได้ทําการชันสูตรพลิกศพ เป็นผู้มีอํานาจอนุมัติในการเบิกจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักให้แก่แพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทําการชันสูตรพลิกศพ เมื่อแพทย์และเจ้าหน้าที่นั้นได้ปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้นในแต่ละครั้ง
ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้มีอํานาจอนุมัติในการเบิกจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักแก่แพทย์ประจําโรงพยาบาลของเอกชนหรือแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพ เวชกรรมที่ขึ้นทะเบียนเป็นแพทย์อาสาสมัครผู้ได้ทําการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๐ เมื่อแพทย์ดังกล่าวได้ปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้นในแต่ละครั้ง
การเบิกจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักให้แก่แพทย์ และเจ้าพนักงานผู้ได้ทําการชันสูตรพลิกศพ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในข้อ ๕ ถึงข้อ ๘ แล้วแต่กรณ
ข้อ ๕ กรณีการชันสูตรพลิกศพในที่ที่ศพอยู่ ให้จ่ายค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการแก่แพทย์ และเจ้าพนักงานผู้ได้ทําการชันสูตรพลิกศพในแต่ละครั้ง ไม่เกิน ๑,๒๐๐ บาท ต่อคน
ข้อ ๖ กรณีการชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาล สถาบันนิติเวชวิทยา สถาบันอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือสถานที่ที่จัดเตรียมไว้สําหรับการนั้น ให้จ่ายค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการแก่บุคคลดังต่อไปนี้
(๑) แพทย์ผู้ทําการตรวจสภาพศพภายนอก ศพละไม่เกิน ๗๕๐ บาท
(๒) แพทย์ผู้ทําการผ่าพิสูจน์ภายในศพ ศพละไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท
(๓) แพทย์ผู้ทําการผ่าตรวจภายในและตัดตรวจชิ้นเนื้อศพ ศพละไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาท
ข้อ ๗ ในกรณีที่การชันสูตรพลิกศพตามข้อ ๕ หรือข้อ ๖ ได้กระทําโดยแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์ หรือพยาธิแพทย์ ให้จ่ายค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการให้แก่แพทย์นั้นเพิ่มขึ้นจากค่าตอบแทนหรือค่าป่วยการ ตามข้อ ๕ หรือข้อ ๖ อีกกึ่งหนึ่ง
พยาธิแพทย์ หมายความถึง พยาธิแพทย์ในสาขาพยาธิวิทยากายวิภาคหรือพยาธิวิทยาทั่วไป
ข้อ ๘ แพทย์และเจ้าพนักงานผู้ได้ทําการชันสูตรพลิกศพมีสิทธิได้รับค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พัก ดังนี้
(๑) ผู้ที่เป็นข้าราชการ ลูกจ้างหรือพนักงานราชการของส่วนราชการ ให้ใช้สิทธิเบิกจ่ายได้ ตามกฎหมายว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
(๒) แพทย์อาสาสมัคร ให้มีสิทธิในการเบิกจ่ายได้ตามกฎหมายว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไปราชการ โดยเทียบตําแหน่งแพทย์เทียบเท่าตําแหน่งข้าราชการพลเรือนประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ประเภทอํานวยการระดับสูง ประเภทบริหารระดับต้น หรือตําแหน่ง ระดับ ๙ หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า
ข้อ ๙ ให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจตีความวินิจฉัยปัญหา เพื่อดําเนินการให้เป็นไปตามระเบียบนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายแก่ทนายความที่ศาลตั้งให้ผู้ต้องหาหรือจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๓ พ.ศ. ๒๕๔๘”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายแก่ทนายความที่ศาลตั้งให้ผู้ต้องหาหรือจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. ๒๕๓๙
บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่กำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน